ต็อกบกกี หรือ TTEOKBOKKI คืออาหารข้างถนนยอดนิยมของชาวเกาหลี ถือเป็นอาหารที่แสดงเอกลักษณ์ของเกาหลีได้เช่นเดียวกับกิมจิ เพราะไม่มีประเทศอื่น ๆ ประกอบอาหารในลักษณะเดียวกันนี้อีก จุดเด่นของเมนูนี้คือแป้งต็อก หรือ TTEOK มีลักษณะคล้ายแป้งโมจิของญี่ปุ่น เป็นขนมที่ทำจากข้าวเวลารับประทานจะนำไปผัดในซอสรสจัดจ้าน ความอร่อยนอกจากซอสที่เข้มข้นแล้ว ยังเป็นความหนึบหนับของแป้งต็อกด้วย ลักษณะของแป้งที่ส่วนมากจะเป็นรูปทรงกระบอก แต่ก็มีบางพื้นที่ของเกาหลีที่ขึ้นรูปเป็นทรงกลม หรือคล้ายเส้นบะหมี่ เวลารับประทานอาจมีแค่แป้งต๊อก กับน้ำซุปสีแดง หรือมีการเติมลูกชิ้นปลา หรือไข่ต้มก็ได้ คนเกาหลีนิยมกินอาหารกินต็อกร้อน ๆ ในวันที่อากาศหนาว เพราะให้พลังงานในการทำงานได้ดี
ประเภทของเมนูต็อก
STIRRED FRIED TTEOKBOKKI คือเมนูต็อกในน้ำซุปสีแดงแบบขลุกขลิก มีการเพิ่มพริกโคชูการู และ โคชูจังลงไป เพิ่มความอร่อย
GUNGJUNG TTEOKBOKKI เป็นเมนูต็อกที่มีที่มาจากราชสำนัก มีลักษณะคล้ายผัดก๋วยเตี๋ยวเจ แต่ใช้แป้งต๊อกแทนเส้นก๋วยเตี๋ยว มีการเพิ่มส่วนประกอบอื่น ๆ อย่างเห็ดหอม แครอท หอมใหญ่ และผักชนิดต่าง ๆ
GUKMUL TTEOKBOKKI เป็นการกินต็อกในน้ำซุปกิมจิ อาจเพิ่มไข่ ลูกชิ้นปลา หรือเส้นมาม่าลงไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีการใส่ต็อกลงในเค้กข้าว หรือใส่ในซุปเป็นต๊อกกุก (ซุปเค้กข้าว) และนิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่
วิธีการทำแป้ง ต็อกบกกี
แน่นอนว่าเมื่อจะทำ ต็อกบกกี ย่อมขาดแป้งต็อกไปไม่ได้ ซึ่งขั้นตอนการทำแบบดั้งเดิมคือนำข้าวสาร (ข้าวญี่ปุ่น) มาแช่น้ำจนข้าวนิ่ม กรองน้ำออก แล้วโม่จนละเอียดเป็นแป้ง ก่อนจะนวดจนแป้งเนียน แต่ในปัจจุบันขั้นตอนการทำแป้งต๊อกด้วยตนเองนั้นสะดวกมากขึ้นด้วยแป้งสำเร็จรูป ซึ่งข้อดีของการทำแป้งต็อกเองคือการกำหนดความนุ่มของแป้งที่ต้องการ สามารถสร้างสรรค์ขนาดและรูปทรงของแป้งต็อกได้ตามชอบ
เครื่องปรุง
- แป้งข้าวเจ้าญี่ปุ่น 200 กรัม (หากไม่มีแป้งข้าวเจ้าไทยผสมแป้งข้าวเหนียวในอัตราส่วน 1:2 ก็ได้)
- เกลือ ¼ ช้อนชา
- น้ำร้อน 200 กรัม
- น้ำมันงาสำหรับทาแป้งไม่ให้ติดกัน
วิธีทำ
- ผสมแป้ง เกลือสมุทร และน้ำร้อนเข้าด้วยกัน ช่วงแรกที่ส่วนผสมยังร้อนอยู่ให้ใช้ไม้พาย หรือทัพพีคนส่วนผสมให้เข้ากันก่อน เมื่อแป้งเย็นลงเล็กน้อยจึงใช้มือนวดจนแป้งเนียนเข้ากันดี
- เมื่อแป้งเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ใส่อ่างผสมหรือรองด้วยผ้าขาวบางก่อนนำไปนึ่งในลังถึงนาน 25 นาทีด้วยไฟแรงปานกลางจนสุก ทาน้ำมันงาบนเขียงหรือถาดก่อนวางวางแป้งที่สุกแล้วลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดภาชนะ นวดแป้งในขณะที่ยังร้อนอยู่เพื่อให้เนื้อแป้งเนียนเข้ากันได้ง่ายขึ้น แป้งที่ได้จะมีความเนียนนุ่ม และยืดหยุ่น
- ขึ้นรูปโดยคลึงแป้งให้เป็นแท่งกลม ๆ ทรงกระบอก จากนั้นใช้มีดหรือที่ตัดแป้งตัดแบ่งก้อนแป้งออกเป็นรูปร่างตามต้องการ แต่ความหนาของท่อนแป้งที่ดีจะอยู่ที่ประมาณ 1 ซม. และมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว เคล้าก้อนแป้งด้วยน้ำมันงาเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกัน กรณีที่ยังไม่ใช้แป้งทันทีแนะนำให้ใส่ถุงพลาสติกปิดให้สนิทแล้วจัดเก็บเอาไว้ในตู้เย็น
แป้งต็อกทำเองนี้สามารถเก็ยในตู้เย็นได้นาน 2 สัปดาห์ หรือเก็บแช่แข็งได้นาน 1 เดือน เมื่อจะนำมาทำต็อกบกกีนำออกมาทิ้งไว้ให้คลายความดย็นก่อนนำไปประกอบอาหาร
วิธีการทำซอสต็อกบกกี
จุดเด่นของ ต็อกบกกี นอกจากแป้งที่เหนียวนุ่มแล้ว ก็จะเป็นน้ำซอสที่ออกรสเปรี้ยวหวาน สีแดงสดใสชวนรับประทาน
เครื่องปรุง
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- ปลาแห้ง (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
- สาหร่าย (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)
- ซอสถั่วเหลืองปรุงรสตามชอบ
- ซอสโคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่นละเอียด ½ ช้อนชา (พริกป่นเกาหลี หรือพริกป่นไทยก็ได้)
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำซอส
- ต้มน้ำเปล่า ใส่ปลาแห้ง หรือสาหร่าย ตั้งไฟปานกลางให้เดือด
- เติมซอสถั่วเหลือง ซอสโคชูจัง น้ำตาลทราย และพริกป่นลงไปผสมซอสให้เข้ากัน
- เคี่ยวไฟอ่อน ๆ จนเดือด หากชอบซอสข้น ๆ อาจลดน้ำลงได้เล็กน้อย
วิธีการทำต็อกบกกี
เครื่องปรุง
- แป้งต็อกที่เตรียมไว้
- ไข่ต้ม (ปรับได้ตามชอบ)
- ลูกชิ้นปลา หากไม่มีใช้หมูยอแทนก็ได้
- หอมหัวใหญ่หั่นแว่น
- กะหล่ำปลีซอยเป็นเส้น
- แครอทหั่นเป็นเส้น
- ต้นหอมซอยละเอียด
วิธีทำ
- เมื่อซอสที่เตรียมไว้เดือดและได้ที่ให้ใส่แป้งต็อก หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี และแครอทลงไป ต้มด้วยไฟปานกลางให้สุก
- เติมลูกชิ้น ไข่ต้ม ตั้งไฟทิ้งไว้ คอยคนเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกระทะ ซอสจะงวดและซึมเข้าแป้งต๊อกจนข้นดี โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ก็พร้อมรับประทาน